ประวัติ ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน มือกาวปราสาทสายฟ้า
ประวัติ ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน มือกาวปราสาทสายฟ้า ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน เป็นผู้รักษาประตูทีมชาติไทย ปัจจุบันสังกัดสโมสร บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แม้จะไม่ประสบความสำเร็จในการเล่นให้กับทีมชาติไทย แต่ในระดับสโมสร เขาถูกยกให้เป็นผู้รักษาประตูที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย ด้วยการคว้าโทรฟี่ 25 ใบ ร่วมกับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เพียงแค่สโมสรเดียว

ข้อมูลส่วนตัว
ชื่อเต็ม : ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน
วันเกิด : เกิดวันที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2527 (39 ปี)
สถานณ์ที่ : จังหวัดนครราชสีมา ประเทศไทย
ส่วนสูง : 1.83 เมตร (6 ฟุต )
สโมสรปัจจุบัน : บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
ตำแหน่งที่เล่น : ผู้รักษาประตู
สวมเสื้อเบอร์ : 1
ลงเล่น : 2553–ปัจจุบัน

ศิวรักษ์ เริ่มต้นเล่นฟุตบอลตั้งแต่อายุ 6 ขวบ โดยเล่นมันทุกตำแหน่ง ยกเว้นผู้รักษาประตู แต่พอถึงอายุ 13 ขวบ ได้ทำตามคำแนะนำของพ่อ เลยต้องเลือกเล่นตำแหน่งผู้รักษาประตู และยึดตำแหน่งนั้นเรื่อยมา แม้จะไม่ค่อยชอบใจก็ตาม เพราะด้วยความที่เป็นเด็ก ตำแหน่งผู้รักษาประตู มันดูไม่น่าสนใจเอาซะเลย

ช่วง 4 ปีแรกของการเล่นตำแหน่งผู้รักษาประตู ศิวรักษ์ ยังไม่ไปถึงไหน และไม่มีท่าทีว่าจะไปได้สวยกับตำแหน่งนี้ เขาทำได้เพียงนั่งเชียร์เพื่อนๆที่ข้างสนาม จนรู้สึกว่าท้อแท้กับการเล่นฟุตบอล บางครั้งเกิดคำถามว่า หรือว่าเขาไม่ได้เกิดมาเพื่อสิ่งนี้ แต่เมื่อชะตามันกำหนดให้เขาต้องเป็นผู้รักษาประตู ยังไงมันก็ต้องได้เป็นวันยังค่ำ
เมื่อเขาได้หยิบหนังสือพิมพ์ สตาร์ซอคเกอร์ เล่มหนึ่งมาอ่าน พร้อมกับสายตาเหลือบไปเห็น ประกาศคัดเลือกนักฟุตบอลเยาวชน ทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 18 ปี ว่าแล้วเขาก็เดินทางเข้ากรุงเทพ ด้วยความหวังอยากติดธงชาติไทยสักครั้งในชีวิต

แต่เมื่อไปถึง ความฝันของเขาจบตั้งแต่ยังไม่เริ่มต้น เมื่อเห็นฝีมือของผู้เข้าแข่งขันเหนือกว่าเขาหลายช่วงตัว แต่ด้วยความที่ใจมันอยากติดทีม ไม่ว่าจะให้ทำอะไร ศิวรักษ์ ก็เลยขอเป็นเด็กเก็บบอลมันซะเลย นอกจากนั้นแล้วยังได้ช่วยเสิร์ฟน้ำ ซื้อของ เก็บอุปกรณ์ หรืออะไรต่างๆนาๆ ตามที่โค้ชสั่ง และสุดท้ายความพยายามเป็นผลสำเร็จ เขาติดทีมชาติเยาวชน รุ่นอายุไม่เกิน 18 ปี ที่จะเดินทางไปชิงแชมป์เอเชีย ที่ประเทศมาเลยเซีย ในฐานะมือ 4 ของทีม ซึ่งตามกฎส่งชื่อได้แค่ 3 คน นั่นแปลว่าถึงไปก็ไม่ได้ลง

หลังกลับมาจากทัวร์นาเมนต์ดังกล่าว แม้ไม่ได้ลงเล่นแม้แต่วินาทีเดียว แต่มันทำให้ ศิวรักษ์ มีแพสชั่นในการเล่นตำแหน่งผู้รักษาประตูมากขึ้น กลับไปตั้งใจฝึกซ้อมมากกว่าเดิม จากนั้นในวัย 19 ปี เขามีโอกาสเข้าไปอยู่กับสโมสร ธนาคารกรุงเทพ ทีมเงินหนาในยุคนั้น ซึ่งในทีมมี สมเกียรติ ปัสสาจันทร์ กับ วัชรพงษ์ กล้าหาญ สองนายด่านฝีมือดีของยุคนั้นเป็นด่านขวางทาง และแน่นอนเขาทำได้เพียงนั่งดูอีกตามเคย

แต่แล้วโอกาสก็มาจนได้ ในช่วงปี 2003 ธนาคารกรุงเทพ ฟอร์มตกต่ำอย่างหนัก ไร้ชัยต่อเนื่องหลายนัด ทำให้กุนซืออย่าง วิสูตร วิชายา ต้องทำอะไรสักอย่าง ว่าแล้วเขาก็ส่ง ศิวรักษ์ ลงสนามเป็นตัวจริงนัดแรก แล้วเหมือนบทละครถูกเขียนเอาไว้ เมื่อเขาเซฟมันมือ พาทีมเก็บชัยชนะ พร้อมตำแหน่งแมนออฟเดอะแมตช์ และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของการเป็นมือ 1 ของทัพบัวหลวง
หลังจากยึดมือ 1 ของ ธนาคารกรุงเทพ เป็นเวลา 4 ปี เข้าสู่ปี 2008 ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน ย้ายไปอยู่กับ บีอีซี เทโรศาสน แต่ก็ไม่ค่อยประสบความสำเร็จอะไรมากนัก ล่วงเลยไปจนถึงอายุ 27 ปี เขาก็ยังไม่มีแชมป์ติดมือแม้แต่ใบเดียว

จากนั้นชีวิตของ ศิวรักษ์ เปลี่ยนไป เมื่อย้ายสู่ชายคา บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แล้วด้วยความเป็นดีกรีทีมชาติ แม้จะไม่เคยสัมผัสคำว่ามือ 1 ทีมชาติไทย แต่กับทัพ ปราสาทสายฟ้า เขาได้รับตำแหน่งมือ 1 ในทันที พร้อมกับพาทีมคว้าแชมป์ไทยลีก 7 สมัย เอฟเอคัพ 5 สมัย และลีกคัพอีก 6 สมัย นั่นรวมถึงแชมป์รายการอื่นๆอีก 7 สมัย รวมเป็น 25 โทรฟี่

แล้วในฤดูกาล 2565/66 ศิวรักษ์ ไล่ล่าโทรฟี่ที่ 26 ได้สำเร็หลังจากมีส่วนสำคัญในการพา บุรีรัมย์ คว้าแชมป์ไทยลีก 2565/66 และยังมีลุ้นอีกสองถ้วยในฤดูการนี้ นั้นก็คือเข้าชิงฟุตบอลช้างเอฟเอคัพพบกับ แบงค็อก ยูไนเต็ด และอีกหนึ่งถ้วยคือเข้าชิงฟุตบอลลีกคัพไปพบกับ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ถือว่าปีนี้ได้ลุ้น 3 ถ้วยเลยทีเดียว