เควิน เดอบรอยน์ นักฟุตบอลที่สมบูรณ์ที่สุดในวงการฟุตบอลสมัยใหม่

Kevin De Bruyne ( เควิน เดอ บรอยน์ )
สัญชาติ : เบลเยี่ยม
เกิดวันที่ 28 มิถุนายน 1991
สูง 181 เซนติเมตรหรือ 5 ฟุต 11.3 นิ้ว
ตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรุกและปีก
สโมสรปัจจุบัน : แมนเชสเตอร์ ซิตี้
เควิน เดอบรอยน์ ดาวเตะชาวเบลเยี่ยม เกิดเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 1991 ที่เมือง โดรงเงิน ประเทศเบลเยี่ยม โดยได้เริ่มเล่นฟุตบอลในชุดเยาวชนของทีมในบ้านเกิด กาเฟเฟ่ โดรงเงิน ก่อนจะได้เริ่มเล่นฟุตบอลอาชีพครั้งแรกกับสโมสร Genkและมีส่วนสำคัญในการช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ ในฤดูกาล 2010-2011 หลังจากที่โชว์ฟอร์มเทพกับสโมสรให้ลีกบ้านเกิดหลายปี ด้วยฟอร์มการเล่นอันสุดยอดของเจ้าตัวทำให้ไปเข้าตาสโมสรยักษ์ใหญ่ในศึกพรีเมียร์ลีกอังกฤษอย่าง เชลซีแต่การย้ายมาเชลซีในช่วงแรก เดอ บรอยน์ ไม่สามารถปรับตัวและแย่งตำแหน่งภายในทีมได้ ทำให้ถูกปล่อยให้ยืมตัวไปเล่นกับ แวร์เดอร์ เบรเมน ทีมในบุนเดสลีก้า เยอรมัน เดอ บรอยน์ ลงเล่นให้ เบรเมนไป 33 เกมยิงไปทั้งหมด 10ก่อนที่ฤดูกาลต่อมาเชลซีที่มีสตาร์เต็มทีมรวมถึงแนวทางการคุมทีมของผู้จัดการทีมอย่าง โชเซ่ มูรินโญ่เปรียบเทียบว่า เดอบรอยน์ ยังมีศักยภาพที่น้อยกว่าเพื่อนในทีมที่เล่นในตำแหน่งเดียวกันทำให้ในเชลซีก็ยังไม่มีพื้นที่สำหรับ เดอบรอยน์ ก่อนจะเป็น โวล์ฟสบวร์กทีมบิ๊ก 6 ในศึกบุนเดสลีก้าที่ชื่นชอบฝือเท้าของเจ้าตัวตั้งแต่ฤดูกาลที่แล้วที่เล่นให้กับ เบรเมนก่อนจะใช้เงิน 18 ล้านปอนด์ยื่นซื้อ เดอ บรอยน์ จากสิงโตน้ำเงินคราม เชลซี


จากนั้น เดอ บรอยน์ก็โชว์ศักยภาพให้โลกฟุตบอลได้เห็นอย่างเต็มที่ด้วยการพา โวล์ฟสบวร์ก คว้ารองแชมป์บุนเดสลีก้า พร้อมกับพาทัพ หมาป่า คว้าแชมป์ เดเอฟเบ โพคาล ด้วยการเอาชนะ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนของ เจเก้น คลอปป์ ในรอบชิงก่อนที่เจ้าตัวจะคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยม ของบุนเดสลีก้าในปีนั้นอีกด้วย หลังจากจบฤดูกาลก็เป็น แมนเชสเตอร์ซิตี้ ทีมมหาเศรษฐีในศึกพรีเมียร์ลีกอังกฤษที่คว้าตัวเข้ามาร่วมทีมด้วยค่าตัว 55 ล้านปอนด์ปีแรกกับแมนซิตี้ แม้ทีมจะจบฤดูกาลแบบไม่มีถ้วยรางวัลแต่ผลงานส่วนตัวของ มิดฟิลด์ชาวเบลเยี่ยม ก็ยิงไปถึง 16 ประตู และแอสซิสต์ไป 13 ครั้ง


จนทำให้ผู้จัดการของแมนซิตี้ตอนนี้ออกมาเปรยว่า นี่คือนักฟุตบอลที่สมบูรณ์แบบฤดูกาลต่อมา การมาของ เป๊ป กวาร์ดิโอลา ก็เป็นเหมือนอีกหนึ่งเครื่องจักรที่เข้ามาสร้างเสริมความสุดยอดของ เดอบรอยน์มากขึ้น ก่อนจะแอสซิสต์ไปอีก 18 ครั้งในฤดูกาลแรกของเป๊ป กวาร์ดิโอล่า หลังจากนั้น เดอ บรอยน์ก็กลายเป็นผู้เล่นคนสำคัญของทัพเรือใบสีฟ้ามาตลอด ก่อนที่ฤดูกาล 2017/2018 เดอบรอยน์ จะพาแมนเชสเตอร์ ซิตี คว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีกอังกฤษได้สำเร็จ แถมเจ้าตัวยังฟอร์มเด่นจนไปติดทีมยอดเยี่ยมประจำปีของหลายสำนักเช่น Uefa team of the year , Pfa team of the year รวมไปถึงได้รางวัล เพลย์เมกเกอร์ยอดเยี่ยมประจำศึกพรีเมียร์ลีกอังกฤษอีกด้วยฤดูกาลต่อมา 2018/2019 เดอบรอยน์ ยังคงพาทีมเดินหน้าไล่ล่าความสำเร็จต่อเนื่องด้วยการพาทีมคว้า ทริปเปิ้ลในอังกฤษ จัดการคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีกอังกฤษ , เอฟเอ คัพ รวมถึงถ้วย ลีกคัพ ก่อนจะมีทัวนาเมนต์ใหญ่คือการกลับไปรับใช้ชาติบ้านเกิดลุยศึกฟุตบอลโลก เดอบรอยน์ เป็นกำลังหลักของทีมชาติก่อนจะพาเบลเยี่ยมลุยเข้าไปคว้าอันดับที่ 3 ในศึกฟุตบอลโลก 2018 พร้อมกับเจ้าตัวได้เข้าไปติดทีมยอดเยี่ยมของทัวนาเมนต์นั้นอีกด้วย

พาเบลเยี่ยมคว้าอันดับที่ 3 ฟุตบอลโลก 2018

พาแมนเชสเตอร์ ซิตี้คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 2018
เดอบรอยน์ กลายเป็นเจ้าของสถิติมากมายในพรีเมียร์ลีกอังกฤษ หนึ่งสถิติที่ยากจะทำลายของเจ้าตัวก็คือ การที่ เดอบรอยน์ใช้เวลาเพียง 123 เกมในการแอสซิสต์ให้เพื่อนทำประตูถึง 50 ครั้งซึ่งก่อนหน้านี้เป็นของ โอซิลที่ใช้เวลาไป 141 เกมซึ่งในฤดูกาลที่ผ่านมา 2019/2020 เดอบรอยน์ก็สามารถทำแอสซิสต์ได้ถึง 20 ครั้งซึ่งเป็นสถิติแอสซิสต์มาที่สุดต่อฤดูกาลถือเป็นสถิติเทียบเท่ากับเธียร์รี่ อองรี ที่สามารถทำได้ตั้งแต่ฤดูกาล 2002/2003 โดยเจ้าตัวยังได้ออกมากล่าวว่า “มันเป็นเรื่องดีกับการมีสถิติร่วมกับ อองรี ผมต้องการช่วยเหลือเพื่อนร่วมทีมของผม สร้างสรรค์โอกาสให้ได้ ซึ่งถ้าเขาจบไม่ได้ผมก็จะไม่ได้อะไรเลย” ส่วนในฤดูกาลนี้ 2020/2021 เดอบรอยน์ ก็ได้สร้างสถิติใหม่ให้กับตัวเองด้วยการทำแอสซิสต์ให้กับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ได้ครบ 100 ครั้งเป็นที่เรียบในช่วงปลายเดือนธันวาคม 2020 และเจ้าตัวยังคงเดินหน้าสร้างสรรค์โอกาสให้เพื่อนทำประตูต่อไปรวมถึงเป้าหมายที่ใหญ่ที่สุดของสโมสรคือการเข้าไปคว้าแชมป์ฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกให้ได้ ซึ่งแน่นอน เดอบรอยน์ จะเป็นนักเตะคนสำคัญในเส้นทางการลุ้นแชมป์ของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ในทุก ๆ รายการ
