เมสซี่ต่อสัญญา5ปี พร้อมยอมลดค่าเหนื่อยกว่า 50 เปอร์เซ็นต์เพื่อสานต่อตำนาน

          เมสซี่ต่อสัญญา5ปี จบมหากาพย์ระหว่างสโมสรบาร์เซโลน่า กับซุปเปอร์สตาร์อย่างลิโอเนล เมสซี่ ที่หมดสัญญากันไปเมื่อสิ้นเดือนที่ผ่านมา ซึ่งทำให้ ลิโอเนล เมสซี่ กลายเป็นผู้เล่นฟรีเอเย่นต์เกือบ 2 สัปดาห์กว่าจะมีการต่อสัญญากับสโมสร  

           จบลงไปแล้วสำหรับข่าวใหญ่ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาในเรื่องของ ลิโอเนล เมสซี่ ซุปเปอร์สตาร์เบอร์หนึ่งวงการลูกหนึ่งโลก ที่กำลงัมีดราม่าว่า บาร์เซโลน่า ยังไม่มีการเจรจาเพื่อต่อสัญญากับเจ้าตัว ทั้งที่สัญญาหมดลงเป็นที่เรียบร้อย ตั้งแต่ช่วงสิ้นเดือนมิถุนายน ที่ผ่านมา 

            ซึ่งการหมดลงของสัญญาก็ทำให้ ลิโอเนล เมสซี่ กลายเป็นผู้เล่นฟรีเอเย่นต์ ซึ่งหมายความว่า หากทีมไหนสามารถพูดคุยเพื่อดึงตัวเขาไปร่วมทีมได้ ก็จะเป็นการได้ตัวเมสซี่ ไปแบบฟรี ๆ ไม่มีค่าตัวแต่อย่างใด ซึ่งก็มีข่าวกับทั้ง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ รวมถึง ปารีส แซงแชร์แมง ที่มีข่าวพัวพันกันอยู่ ตลอดช่วงที่ผ่านมา 

            อย่างไรก็ตามตัวนักเตะ ลิโอเนล เมสซี่ ออกมาแสดงความต้องการอย่างชัดเจนว่าต้องการที่จะอยู่กับบาร์เซโลน่าต่อ แต่ต้นสังกัดดูจะยังไม่มีท่าทีว่าจะยื่นข้อเสนอมาให้ ซุปเปอร์สตาร์ ชาวอาเจนไตน์มาพิจารณา ซึ่งอาจจะเป็นการรอให้ เมสซี จบภารกิจกับทีมชาติอาร์เจนติน่า ในศึกโคปา อเมริกาก่อน 

             หลังจากลิโอเนล เมสซี่ พาทีมชาติประสบความสำเร็จในรอบ 28 ปีซึ่งถือเป็นแชมป์ระดับเมเจอร์หนแรก ที่เมสซี่พาทีมชาติอาเจนติน่าคว้าได้ ซึ่งก็มีข่าวดีต่อเนื่องกับการต่อสัญญากับสโมสรบาร์เซโลน่ออกไปถึง 5 ปี ซึ่งหากนับตามสัญญากว่าสัญญาจะหมดลง ลิโอเนล เมสซี่ ก็มีอายุมากถึง 39 ปี 

            อย่างไรก็ตามด้วยความรักในกีฬาฟุตบอล และเจตนาอย่างแข็งกล้าว่าต้องการที่อยู่กับสโมสรบาร์เซโลน่า เพียงสโมสรเดียวตลอดอาชีพการค้าแข้ง ทำให้เมสซี่ ยอมลดค่าเหนื่อยตัวเองลงมากถึงครึ่งนึง เพื่อเป็นการช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของสโมสร ซึ่งแน่นอนว่าครึ่งนึงของค่าเหนื่อยเมสซี่ สามารถเอาไปใช้บริหารส่วนอื่นได้มหาศาล

            ซึ่งการต่อสัญญาออกไปของ ลิโอเนล เมสซี่ หนนี้ น่าจะเป็นการเซ็นต์สัญญาครั้งสุดท้ายในอาชีฟฟุตบอลของเจ้าตัวแล้ว เพราะด้วยอายุอานามที่มากขึ้น ซึ่งหลายฝ่ายมองว่า เมสซี่ ต้องการลงเล่นฟุตบอลอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาสภาพร่างกาย เพื่อเป้าหมายใหญ่ครั้งสุดท้าย คือการพาทีมชาติอาร์เจนติน่า ลุยศึกฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายปลายปีหน้า ซึ่งถือว่าอาจจะเป็นถ้วยรางวัล ถ้วยเดียวที่เมสซี่ ยังไม่ได้สัมผัสในการเป็นนักฟุตบอลอาชีพตลอดกว่า 20 ปีที่ผ่านมา