นอกจากนี้เมื่อวันที่ 2 เมษายนที่ผ่านมาลิเวอร์พูลยังมีโอกาสได้ขึ้นเป็นจ่าฝูงในระยะเวลาสั้นๆ ไม่กี่ชั่วโมงอีกด้วยหลังจากที่พวกเขาสามารถเอาชนะวัตฟอร์ดได้สำเร็จ การแข่งขันครั้งต่อไปจึงอาจจะกลายมาเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ตำแหน่งจ่าฝูงติดต่อกันหลายสัปดาห์อย่างแมนซิตี้อาจจะต้องมอบบัลลังก์ให้กับจ่าฝูงทีมใหม่อย่างลิเวอร์พูลแทน

     โดยแมนซิตี้มีนัดพบกับวัตฟอร์ด ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน และนิวคาสเซิล ซึ่งเป็นสโมสรที่ค่อนข้างรับมือง่ายไม่ต้องเผชิญกับแรงกดดันอะไรมากมาย แต่หลังจากนั้นพวกเขาก็จะต้องเผชิญกับแรงกดดันอีกครั้งในช่วงเดือนสุดท้ายไม่ว่าจะเป็นการพบกับเวสต์แฮม ยูไนเต็ดที่เคยสามารถเอาชนะลิเวอร์พูลได้สำเร็จมาก่อน การรับมือกับแอสตัน วิลล่าที่กุนซือเป็นอดีตนักเตะในลิเวอร์พูล แน่นอนว่าพวกเขาต้องกระหายชัยชนะอย่างแน่นอนเพราะนอกจากมันจะช่วยเพิ่มเติมให้พวกเขาแล้วมันยังช่วยให้อดีตทีมของกุนซือได้ขึ้นเป็นจ่าฝูงอีกด้วย

     ในขณะเดียวกันฝั่งของลิเวอร์พูลต้องยอมรับว่าหลังจากนี้ต้องเผชิญกับงานที่หนักหนาอย่างแน่นอนไม่ว่าจะเป็นการพบกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดที่ถึงแม้ว่าในช่วงเวลานี้จะทำผลงานออกมาได้ไม่ค่อยดีเท่าที่ควรทำให้ไม่ค่อยน่าเป็นห่วงสักเท่าไหร่ แต่ก็ไม่สามารถประมาทได้เพราะสุดท้ายแล้วแมนยูก็ยังคงเต็มไปด้วยนักเตะมากความสามารถอยู่ดี ยังไม่รวมไปถึงการเพาะกับท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ที่ช่วงนี้ฟอร์มร้อนแรงจากจนสามารถทะยานขึ้นสู่อันดับ 4 บนตารางได้สำเร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

     หลังจากนั้นก็ต้องเผชิญหน้ากับเอฟเวอร์ตันในศึกเมอร์ซี่ไซด์ ดาร์บี้แมตช์ แม้ว่าจะดูเป็นเรื่องง่ายแต่การสู้กับสโมสรที่กำลังหนีตายจากการตกชั้นอยู่อาจทำให้ลิเวอร์พูลต้องเจอกับงานหนัก จากนั้นพวกเขาต้องเผชิญหน้ากับเซาแธมป์ตันที่ครั้งหนึ่งพวกเขาเคยพ่ายแพ้มาก่อนในฤดูกาลที่แล้ว และจบฤดูกาลด้วยการพบกับวูล์ฟแฮมป์ตันซึ่งเป็นสโมสรที่จะประมาทไม่ได้โดยเด็ดขาด ใดๆก็ตามโปรแกรมที่สำคัญมากที่สุดคือการแข่งขันวันที่ 10 เมษายนที่จะถึงนี้นัดพบกันระหว่างลิเวอร์พูลและแมนเชสเตอร์ ซิตี้ซึ่งเปรียบเสมือนกับนัดชี้ชะตาว่าใครจะได้ขึ้นเป็นจ่าฝูงกันแน่ สโมสรไหนที่สามารถเอาชนะในการแข่งขันครั้งนี้ไปได้จะได้เปรียบอย่างแน่นอน