ควันหลงแดงเดือด เมื่อ ลิเวอร์พูล ไล่ยำ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 7-0
ควันหลงแดงเดือด เมื่อ ลิเวอร์พูล ไล่ยำ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 7-0 วลี 7-0 ดังไปทั่วบ้านทั่วเมืองในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังศึกแดงเดือด ระหว่าง ลิเวอร์พูล กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จบลงด้วยสกอร์ 7-0 ของฝั่งหงส์แดง

เกมที่สนามแอนฟิลด์ ลิเวอร์พูล มาในระบบ 4-3-3 โคดี้ กัคโป ยืนเป็นหน้าเป้า ขนาบข้างด้วย ดาร์วิน นูนเญซ กับ โม ซาลาห์ แล้วแผงกลางวาง ฟาบินโญ่ คุมเกมร่วมกับ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กับ ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์
ฟากฝั่ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พวกเขามาสู้ในระบบ 4-2-3-1 มาร์คัส แรชฟอร์ด ยืนเป็นหน้าเป้า แล้วให้ เวาท์ เว็กฮอร์ส ยืนหน้าต่ำ โดยมี คาเซมิโร่ กับ เฟร็ด คอยปั้นเกมในแดนกลาง แล้วให้ อันโทนี่ กับ บรูโน แฟร์นานเดส สร้างเกมทางริมเส้น

โคดี้ กัคโป ใส่สกอร์แรกช่วงท้ายครึ่งแรก
เกมนี้ ลิเวอร์พูล เป็นฝ่ายขึงเกมเข้าใส่ตามหน้างาน แต่ก็ไม่ได้สร้างความเสียหายอะไรให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มากนัก ต่างฝ่ายต่างมีโอกาสที่จะเป็นฝ่ายขึ้นนำ แต่ยังทำได้ไม่ดีพอ แล้วเกมทำท่าจะจบครึ่งแรกด้วยสกอร์ 0-0 อยู่แล้ว แต่ด้วยความยอดเยี่ยมของ โคดี้ กัคโป ที่ชิงเหลี่ยมเอาชนะ ราฟาเอล วาราน แล้วจบสกอร์อย่างเด็ดขาด ส่งให้ “หงส์แดง” เป็นฝ่ายได้เปรียบ 1-0
แล้วครึ่งหลังผ่านไปไม่นาน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เสียสมาธิ แล้วก็โดนลงโทษโดย ดาร์วิน นูนเญซ ต่อเนื่องด้วยประตูของ โคดี้ กัคโป เท่ากับว่าผ่านไป 50 นาที เกมที่แอนฟิลด์ จบลงเป็นที่เรียบร้อย

สกอร์ไหลเป็นโจ๊ก
หลังเป็นรอง 3 สกอร์ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่ได้มีท่าทีว่าจะกลับมาได้แม้แต่น้อย ทุกอย่างดูเข้าทาง ลิเวอร์พูล ไปหมด ตัดบอลได้ก็ไปเข้าทาง แย่งบอลได้ก็จ่ายติด สกัดได้ก็เด้งมาเข้าทาง นั่นจึงเป็นที่มาอีก 4 ประตู แบ่งเป็นของ โม ซาลาห์ 2 ประตู ที่เกมนี้เล่นงาน แนวรับยูไนเต็ดแบบบอลคนละเกรด ส่วนอีก 2 ประตูได้จาก ดาร์วิน นูนเญซ กับ โรแบร์โต้ ฟิมิร์โน่

นักเตะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยอมแพ้
หลังโดนลูกแรกในช่วงท้ายเกม หลายคนคิดว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะพลิกกลับมาได้ในช่วงครึ่งหลัง โดนเฉพาะแฟนบอลยูไนเต็ด ที่เคยชินกับการคัมแบ็ค ซึ่งพวกเขาทำได้บ่อยมากในฤดูกาลนี้ แต่จากการที่โดนลูก 2 กับลูก 3 เร็วไปหน่อย นั่นทำให้ทัพปีศาจแดง ไม่เอาอะไรแล้ว
ภาษากายของพวกเขาเล่นแบบให้จบเกมไปที คนที่ขยันไล่บอลอย่าง บรูโน แฟร์นานเดส ก็ปล่อยจอยเอาดื้อๆในจังหวะที่โดนแย่งบอลได้ หรือคนที่นิ่งดั่งภูผาอย่าง ลิซานโดร มาร์ติเนซ ก็เสียบแบบเอามันเข้าว่า ฟาล์วไม่ฟาล์วช่างมัน ไม่เหมือนปีศานแดงทีมเดิม จนกุนซืออย่าง เอริค เทน ฮาก ออกมาสับลูกทีมว่า ไม่ใช่มืออาชีพ แถมยังให้ซ้อมต่อเนื่องแบบไม่ต้องพัก

จุดเปลี่ยนของฤดูกาลของ ลิเวอร์พูล ซะที่ไหนเล่า
จากชัยชนะเหนือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นอกจากจะเพิ่มความฮึกเหิมให้กับ ลิเวอร์พูล นั่นยังทำให้พวกเขาขยับเข้าใกล้พื้นที่ยูฟ่า แชมป์เปียนส์ลีก อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ไม่สามารถอาศัยความได้เปรียบนั้นได้ เพราะนัดต่อมาดันบุกไปแพ้ บอร์นมัธ 0-1 แบบช็อตฟิลแฟนบอล นั่นทำให้เกมที่ได้เปรียบอยู่ในมือไม่มีประโยชน์อันใด แล้วยังมี ไบรท์ตัน , เบรนท์ฟอร์ด ที่สำคัญคือ นิวคาสเซิล กับ สเปอร์ ที่คอยจ้องจะถีบพวกเขาหล่นไปอยู่ที่ 8 หลังจบฤดูกาลอีกด้วย
เท่านั่นยังไม่พอ การพ่ายแพ้ เรอัล มาดริด ด้วยสกอร์รวม 2-6 จอดป้าย ยูฟ่า แชมป์เปียนส์ลีก แค่รอบ 16 ทีมสุดท้าย นั่นอาจจะทำให้พวกเขากลับออกทะเลเหมือนเดิม เรียกได้ว่า ล้อปีศาจแดงได้ไม่กี่วัน พวกเขาก็ต้องกลับมาเป็นฝ่ายโดนล้ออีกหน สกอร์ 7-0 แค่สะใจ แต่ไม่สามารถเป็นจุดเปลี่ยนของฤดูกาลได้