เรื่องน่าสนใจหลังบิ๊กแมตช์ ลิเวอร์พูล 1-0 แมนซิตี้
ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก แมตช์เดย์ที่ 10 ที่สนามแอนฟิลด์ ผ่านพ้นไปแล้วกับชัยชนะของ ลิเวอร์พูล ที่ส่งทีมเยือน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กลับบ้านด้วยสกอร์ 1-0 พร้อมกลับเข้าสู่เส้นทางไล่ล่าพื้นที่หัวตารางอีกครั้ง เราจะสรุป 5 ประเด็นสำคัญหลังเกมนี้ ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แพ้เป็นนัดแรกของฤดูกาลนี้
หลังผ่าน 9 นัดแรก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ชนะ 7 เสมอ 2 เป็นเพียงทีมเดียวที่ยังไม่แพ้ในพรีเมียร์ลีก ซึ่งหลังจากแพ้ในเกมนี้ ทำให้ทัพเรือใบแพ้เป็นนักแรกของฤดูกาล 2022/23 นั่นส่งผลให้ทั้ง 20 ทีมในพรีเมียร์ลีก แพ้ครบทุกทีมโดยพร้อมเพียงกัน โดยลูกทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า แพ้เป็นทีมสุดท้าย โดยพวกเขายิงไป 33 ประตู (มากที่สุดในลีก) เสียแค่ 10 ประตู (น้อยเป็นที่ 2 ของลีก) มีเพียง นิวคาสเซิล ที่เสียน้อยกว่า (9 ประตู)

ลิเวอร์พูล เก็บชัยชนะเหนือบิ๊กซิกซ์ เป็นนัดแรกในฤดูกาลนี้
ฤดูกาลนี้ ลิเวอร์พูล นอกจากจะฟอร์มดร็อปลงไปอย่างเห็นได้ชัด สิ่งที่ตามมาด้วยคือ ผลงานการเจอทีมในบิ๊กซิกซ์ด้วยกัน โดยก่อนหน้านี้ ทัพหงส์แดงพบกับทีมบิ๊กซิกซ์มา 2 นัด ผลคือบุกไปแพ้ อาร์เซน่อล ที่เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม 2-3 แล้วก็บุกไปแพ้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด 1-2

ผู้รักษาประตู เป็นคนแอสซิสต์ประตูชัย
แน่นอนว่าก่อนเกมจะเริ่ม ไม่มีใครคาดคิดว่า จะมีผู้รักษาประตูเกี่ยวข้องกับการทำประตูของทั้งสองทีม ว่าแล้ว อลิสสัน เบ็คเกอร์ ก็จัดการเปิดบอลยาวให้ โม ซาลาห์ หลุดไปซัดผ่านมือ เอแดร์สัน เป็นประตูชัยในเกมนี้ ซึ่งนับเป็นสกอร์ที่ 3 เท่านั้นของซาลาห์ เจ้าของดาวซัลโวในซีซั่นที่แล้ว ซึ่งแม้จะเป็นคนยิงประตูชัย ผลงานส่วนตัวของเขากลับแย่ที่สุดใน 11 คนแรกของทีม ทั้งเกมสัมผัสบอลแค่ 12 ครั้ง ได้คะแนนความสามารถแค่ 6.7 คะแนน มีเพียง ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ ที่แย่กว่า (6.3 คะแนน)
ทางด้าน อลิสสัน เบ็คเกอร์ นอกจากจะเป็นคนแอสซิสต์ประตูชัยแล้ว เขายังมีเซฟสำคัญ 6 ครั้ง ออกมาตัดบอล 1 ครั้ง จ่ายบอลสำเร็จ 31/38 ครั้ง ผลงานดีที่สุดในสนาม (8.8 คะแนน) ได้แมนออฟเดอะแมตช์

โจ โกเมซ จับ เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ อยู่หมัด
เกมนี้ ลิเวอร์พูล ต้องใช้ โจ โกเมซ ยืนเซนเตอร์ร่วมกับ เวอร์กิล ฟาน ไดค์ พร้อมรับหน้าที่ประกบ เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ แนวรุกฟอร์มร้อนที่ยิงประตูเป็นว่าแล้ว แถมยิงได้ทุกท่า ซึ่งใครเห็นก็ว่าน่าจะไม่รอด เพราะฟอร์มก่อนหน้านี้ของโกเมซ จัดว่าอ่อนที่สุดในบรรดากองหลังของบิ๊กซิกซ์ด้วยกัน หรืออาจจะแย่กว่าทีมนอกบิ๊กซิกซ์อีกหลายทีม แต่ตลอด 90 นาที โกเมซเอาอยู่ทุกสถานการณ์ พร้อมได้คะแนนความสามารถมากกว่า ฟาน ไดค์ รวมถึงแผงหลังอีก 3 คนของทีมด้วย ผลงานจ่ายบอลสำเร็จ 45/55 ครั้ง เคลียร์บอล 6 ตัดบอล 3 ชนะลูกโด่ง 1 ตัดบอล 1 ครั้ง คะแนนความสามารถ 7.2 คะแนน เป็นรองเพียง ดีโอโก้ โชต้า (7.3) และ อลิสสัน เบ็คเกอร์ (8.8)

เป็นนัดแรกที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยิงประตูคู่แข่งไม่ได้ในซีซั่นนี้
ก่อนหน้านี้ 9 นัดในพรีเมียร์ลีก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยิงประตูได้ทุกนัด ซึ่งเอาใกล้ๆเกมนี้สามนัด พวกเขาชนะ วูล์ฟแฮมป์ตั้น 3-0 ยำใหญ่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 6-3 ตามด้วยถล่ม เซาแธมป์ตั้น 4-0 อย่างไรก็ตามเกมนี้โอกาส 16 ครั้งของพวกเขาไม่สามารถเปลี่ยนเป็นประตูได้ โดยแบ่งเป็นโอกาสของ เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ 6 ครั้ง อิลกาย กุนโดกัน 4 ครั้ง แบร์นาโด้ ซิลวา 2 ครั้ง ส่วน เควิน เดอ บรอยน์ , เชา คานเซโล่ กับ รูเบน ดิอาส มีโอกาสคนละ 1 ครั้ง ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลเป็นการยิงเข้ากรอบ 6 ครั้ง ซึ่งไม่ผ่านมือ อลิสสัน เบ็คเกอร์
